รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย พร้อมเร่งผลักดันให้สารสกัดทีได้มาจากกัญชา จัดเป็นยาที่อยู่ในระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ทุกส่วน
‘น้ำมันกัญชา’ เตรียมแจกให้ประชาชน ผู้ป่วยเป็นโรค
‘นายอนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายนาย ‘สาธิต ปิตุเตชะ’ เดินหน้าทำงานนโยบายตามที่ลั่นวาจาไว้ในวันแรก อีกทั้งยังมาพร้อมกับความน่าสนใจ ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ร่างกายแข็งแรง’ เพิ่มการมุ่งเน้นการยกระดับให้บริการของสถานพยาบาล เพื่อลดอัตราเจ็บป่วย อีกทั้งยังลดความคับคั่งของผู้ป่วยในโรงพยาบาลอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการสั่งงานให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบนโยบายกัญชาทางการแพทย์ ถ้ามีจุดใดมีปัญหาแนะนำให้ปรับแก้ให้แล้วสำเร็จพร้อมดำเนินงานทันที อีกทั้งยังเป็นการผลักดันสารสกัดจากกัญชาเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงการรักษาเป็นอันดับแรก
และยังต้องเตรียมการนำ ‘กัญชง’ ให้ออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 ให้ประชาชนสามารถปลูกได้ โดย ณ ขณะนี้ได้มีการปรึกษาหารือกับเลขาธิการ อย.เพื่อนำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ นอกจากนี้ในส่วนของการแจกน้ำมันสูตรของนายเดชา โดยยังไม่มีการผ่านการรับรองจาก อย. ‘นายอนุทิน’ กล่าวว่า ยังไม่อาจทำได้ และถ้าจะแจกก็ต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ
ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เดินหน้าแจกน้ำมันกัญชาอย่างทั่วถึง
ประธานมูลนิธิข้าวขวัญพร้อมแจกน้ำมันกัญชาให้แก่ผู้ป่วยโรคไมเกรนไปแล้วจำนวนมากกว่า 300 ราย และเมื่อตัวยาล็อตใหม่เข้ามา ก็แจกยาให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งซึ่งลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านั้นแล้วจำนวนกว่า 50,000 ราย โดย ‘อ.เดชา’ ได้ออกมายืนยันว่าตนจะรีบนำยาน้ำมันกัญชามาแจกให้ผู้ป่วยให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้โรงพยาบาลที่อยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข ก็จะเตรียมจ่ายยากัญชาให้แก่ผู้ป่วยที่มีสิทธิบัตรทอง สามารถเบิกได้ตามบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งเป็นน้ำมันกัญชาที่ผลิตจากเภสัชกรรมของประเทศไทย ทุกกระบวนการสามารถเชื่อถือได้ อีกทั้งยังเตรียมเปิดให้บริการแก่คนไข้ ที่อยู่ในโรงพยาบาล 12 แห่ง โดยเริ่มแจกในวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ทำให้ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม สามารถเบิกได้ตามสิทธิทุกคน
นอกจากนี้ยังมีการลากยาวอีกหนึ่งประเด็น เรื่องงบประมาณที่นำมาใช้จ่ายในสิทธิบัตรทอง ซึ่งกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพรวมทั้งครอบคลุม ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เปิดแถลงการณ์พร้อมเรียกร้องให้คืนงบนอกเหมาจ่ายรายหัว ภายใต้งบประมาณปี 2010 ซึ่งจะถูกตัดทิ้งออกไป 676 ล้านบาท ให้เป็นงบดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง รวมทั้งผู้ติดเชื้อ HIV เป็นงบกองทุนที่ถูกตัดเพื่อนำไปกระตุ้นการท่องเที่ยวกว่า 15,000 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2563