เมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2558 ที่ผ่ามา ผู้สื่อข่าวรายรายงานว่า พบหนูน้อยวัย 7 ขวบ เดินเร่ขาย น้ำตาลสด และ ลูกตาลเชื่อม กับคุณยาย 2 คน จึงได้เข้าไปสอบถามสารทุกข์สุขดิบ เนื่องจากเห็นแล้วรู้สึกสงสารและเห็นใจ ในการเดินเร่ขายของตอนแดดร้อนๆ ตนจึงได้เข้าไปพูดคุยและอุดหนุนซื้อของจึงได้ทราบชื่อภายหลังว่า เด็กคนดังกล่าวชื่อ เด็กชาย คุณภัทร ยิ่งรัตน์ หรือ น้องตุ๊ก อายุ 7 ขวบ กำลังเรียนอยู่ประถมศึกษาชั้น ป.1 โรงเรียนวัดจันทร์ตะวันตก อ.เมืองพิษณุโลก จ.พิษณุโลก
น้องตุ๊ก อยู่ในช่วงปิดเทมอจึงถือโอกาสอาสามาช่วย คุณยายน้อย ขายของด้วยความเต็มใจเพราะเห็นคุณยายขายของทุกวัน โดยที่ก็คุณยายน้อย ก็อายุมากแล้วจึงอยากที่จะช่วยแบ่งเบาภาระอะไรบ้าง คุณยายน้อย เล่าว่า น้องตุ๊กเป็นเด็กดี และเป็นเด็กขยันมาก และที่สำคัญเป็นเด็กที่ฉลากเรียนเก่งมาก โดยคุณยายน้อย ได้เปิดเผยผลการเรียนในช่างภาคเรียนที่ผ่านมาด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งน้องตุ๊ก สอบได้ที่ 1 ของห้องอีกด้วย
โดยในแต่ละวันของช่วงน่าร้อน นั้น คุณยายน้อย จะไปรับลูกตาลและน้ำตาลสด มาจาก อำเภอวัดโบสถ์มาเดินเร่ขายให้กับชาวเมืองพิษณุโลก ซึ่งในแต่ละวันจะต้องเตรียมของให้เสร็จก่อนตี 5 หรือเช้ามืด โดยนำน้ำตาลสดที่รับมาเอามาต้มให้ได้ที่แล้วกรอกใส่กระบอกไม้ไผ่ ส่วนลูกตาลก็จะนำไปปอกเปลือก แล้วนำมาฝาน จากนั้นก็นำไปเชื่อมตามวิธีหรือสูตรของ คุณยายน้อย นั้นเอง เสร็จแล้วก็นำมากรอกใส่ถุงขายเป็นถุงๆ พอเตรียมของทั้งสองอย่างนี้เสร็จแล้วก็จะนำมาห้อยบนคานหาบไม้ และเดินขายจนกว่าของจะหมดโดย น้ำตาลสด จะขายในราคากระบอกละ 10 บาท ส่วนลูกตาลเชื่อม จะขายอยู่ที่ถุงละ 20 บาท กำไรที่หักต้นทุนทั้งหมดแล้วจากการขายของในแต่ละครั้งจะอยู่ที่ 200-300 บาทต่อวัน ทั้งนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมของน้อง ตุ๊ก อยู่แต่ถ้าหากเปิดเทอมแล้ว คุณยายน้อย ก็คงต้องเดินแบกขายของเพียงลำพังเพราะขาดแรงกายแรงใจสำคัญอย่างน้อง ตุ๊ก ถ้าช่วงเปิดเทอมมาถึง
ทั้งนี้ คุณยายน้อยก็ได้แต่ห่วงน้อง ตุ๊ก เพราะกลัวว่าตนจะอยู่ดูแลได้อีกไม่นาน ส่วนทางพ่อแม่ของน้อง ตุ๊กก็ได้เลิกรากันไปและต่างคนต่างก็ไปมีครอบครัวกันใหม่ ส่วนตัวของ คุณยายน้อยเองก็มีโรคประจำตัวอยู่มากมาย และมีรายได้ไม่แน่นอน ถ้าเป็นไปได้ คุณยายน้อย ก็อยากให้น้อง ตุ๊ก หรือ เด็กชายคุณภัทร ยิ่งรัตน์ ได้รับโอกาสที่จะมีทุนการศึกษา ได้เรียนต่อไปในระดับชั้นสูงๆ เพื่อจะได้มีอาชีพเลี้ยงตัวได้ต่อไป