โดยที่รายล่าสุด เกิดเหตุเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่า เกิดเหตุโดนข่มขืนและชิงทรัพย์ จากลูกชายของผู้เสียหายรายนี้ เมื่อเวลา 03:00 น.โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ในทันทีที่ได้รับแจ้งความ จากการลงพื้นที่ที่เกิดเหตุนั้น ได้พบกับผู้เสียหายพร้อมกับลูกชายของผู้เสียหาย โดยที่ผู้เสียหายอยู่ในอาการหวาดกลัวตัวสัน โยมีลูกชายคอยนั่งปลอบใจอยู่ข้างๆ
จากการสอบถามผู้เสียหายได้ให้ การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าช่วงเวลาประมาณ 00:00 น.มีคนร้ายสวมไอ้โม่งแต่งกายชุดดำงัดหน้าต่างเข้ามาภายในบ้านและตรงเข้ามาใน ห้องของผู้เสียหายคนร้ายได้ใช้มีดจี้ที่คอพร้อมกับพูดว่าอย่าส่งเสียงดัง หลังจากนั้นคนร้ายก็ปลุกปล้ำโดยกายถอดผ้าถุงออกและลงมือข่มขืนทันทีจนสำเร็จ ความใคร่ คนร้ายก็ได้ไปค้นหาทรัพย์สินมีค่าภายในห้องแต่ไม่พบทรัพย์สินใดๆพบแต่ โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายเพราะผู้เสียหายเก็บเงินไว้ใต้หมอนจำนวน 5,000 บาท หลังจากนั้นคนร้ายก็ได้เดินออกมาจากห้องโดยนำโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยและ รื้อค้นทรัพย์สินมีค่าอยู่ที่ห้องโถงที่มีทีวีตั้งอยู่บนตู้ที่มีลิ้นชัก คนร้ายจึงได้ดึงลิ้นชักออกพร้อมนำพระเลี่ยมทองที่อยู่ในลิ้นชักไปด้วยและหลบ หนี้ไปทันทีโดยได้ทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ตรงทีวี
จากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจ สอบพบว่า คนร้ายได้มีการมาสำรวจสถานที่ก่อนลงมือโดยเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงสูงอายุ และอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากที่คนร้ายได้วางยาสุนัขที่เฝ้าบ้านอยู่ และเลือกลงมือในเวลากลางคืนหลังเที่ยงคืน ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกาย เพื่อหาร่องรอยในการข่มขืนในครั้งนี้ และตรวจดีเอ็นเอของคนร้าย จนถึงเวลา 08:00 น.เมื่อผลจากการตรวจพิสูจน์ออกมาก็ทำให้ทราบได้ว่า ดีเอ็นเอของคนร้ายคือคนเดียวกันที่เคยก่อเหตุในทำนองเดียวกันนี้มาแล้ว 9 ราย
ทาง ผช.ผบ.ตร.ได้กำชับให้หลายหน่วยงานและชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงคอยเฝ้า ติดตามพฤติกรรมของคนร้ายโดยบอกกับชาวบ้านว่าให้ช่วยเป็นหูเป็นตาในการสอด ส่องดูแลเพื่อนบ้านด้วยกัน และคอยสังเกตคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นคนงานที่มาทำงานใหม่ หรือ คนส่งของต่างๆที่ไม่รู้จัก
ผช.ผบ.ตร.ยังกล่าวอีกว่าถึงแม้ คนร้ายจะมีพฤติกรรมโรคจิตทางเพศ แต่ก็ไม่ได้เสียสติ หรือเพี้ยน ไปแต่อย่างไรเพราะจากการก่อเหตุในแต่ละพื้นที่คนร้าย มีความรู้ ในการอำพรางใบหน้า และการตัดสายโทรศัพท์หรือสายไฟที่ให้แสงสว่างได้